ภาค 1 ---จุดเริ่มต้น(ของเรื่องราว)

.....สวัสดีค่ะ ขอชี้แจงก่อนนะค่ะว่า จขกท.ใช้ไอดีของพี่สาวมาตั้งกระทู้ค่ะ เพราะตัวเองสมัครแล้วไม่ได้สักที อาจเป็นเพราะว่าตัวเองเคยสมัครไปแล้วแต่ไม่ค่อยได้ใช้ สมัครใหม่ก็ไม่ได้ เลยขออนุญาตพี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง)มาตั้งกระทู้ค่ะ.....

.....เรื่องนี้เป็นเรื่องชีวิตคู่ของน้องเอง(ขอแทนตัวเองว่าน้องนะค่ะไม่ใช่ชื่อเล่นของน้องจริงๆแต่ชอบแทนตัวเองว่า”น้อง”กับพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่และสามี) น้องใช้ชีวิตคู่ตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยความไม่ตั้งใจ  ชีวิตคู่ของน้องผ่านมรสุมมาเยอะอยากเผยแพร่ให้กำลังใจกับคนที่อยู่ด้วยกัน แล้วเจออุปสรรคต่างๆมากมาย อยากให้รัก อดทน จับมือก้าวไปพร้อมๆกันนะ  เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมานี้ครบรอบ10ปีแล้วที่อยู่ด้วยกันและครบรอบ8ปีที่แต่งงานกันมา ปัจจุบันมีตัวเล็กแล้ว2คน ชาย6ขวบ2เดือน หญิง2ขวบ11เดือน.....ชื่อบุคคลในกระทู้เป็นชื่อสมมุติทั้งหมดนะค่ะ เพราะกลัวว่าญาติทางสามีจะมาเจอกระทู้เข้า เดี๋ยวมีเรื่องกันเปล่าๆ(ยิ่งไม่ชอบหน้ากันอยู่) อ๋อญาติของน้องด้วยเดี๋ยวเคืองสามีอีก เข้าเรื่องเลยดีกว่า.....

.....อ๋อน้องขอแบ่งเรื่องราวของน้องเป็น 4 ภาคนะค่ะ เรื่องมันยาวมาก
.......... ภาค 1 ---จุดเริ่มต้น(ของเรื่องราว) http://pantip.com/topic/33738263/comment1
..........    ภาค 2 ---จุดกลางใจ(ที่เจ็บปวด) http://pantip.com/forum/new_topic
..........    ภาค 3 ---จุดก้าวไป(ด้วยกัน)
.......... ภาค 4 ---จุดสรุปของชีวิต(เรา)

.....น้องได้เจอสามีที่โรงงานแห่งหนึ่งที่จังหวัดเพชรบุรี เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิค น้องตัดสินใจเป็นสาวโรงงานทันทีที่เรียนจบ ปวส. ทั้งๆที่น้องได้โควตา ป.ตรี สวนสุนันทา แต่ไม่สามารถเรียนได้ ครอบครัวน้องเจอพิษเศรษฐกิจฟองสบู่ คุณพ่อต้องไปสิงคโปร์เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ครอบครัวลำบากมากคุณแม่ที่เป็นแม่บ้านดูแลบ้านสบายๆต้องกลายเป็นแม่ครัวในร้านอาหาร ได้เงินเดือนแค่6000(สมัย46)/3ชีวิต จากชีวิตคุณหนูนิดๆต้องมาเป็นสาวโรงงานหาเงินเรียนเอง(เรียนม.ราม) สู้ค่ะ เขาทำได้น้องก็ต้องทำได้ เดือนแรกนี่โทรศัพท์ไปร้องไห้กับแม่ทุกวัน ท้อมาก พี่ๆที่โรงงานไม่สอนงานเลย เขาบีบบังคับน้องทางอ้อมให้ออก เขาอยากให้คนของเขามาทำแทนน้อง ยิ่งน้องได้ทำตำแหน่ง QC พวกเขาก็ยิ่งกดดัน

.....สงสัยไหมQCคืออะไร งันมารู้ภาษาโรงงานสักนิดก่อนดีกว่า.....

.....QC=ตรวจสอบคุณภาพ (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าน้องได้ทำตำแหน่งนี้ได้ไงทั้งๆที่ไม่มีประสบการณ์และความรู้โดยตรง วุฒิที่น้องใช้สมัคร ปวช.นะค่ะ กลัวใช้วุฒิปวส.เขาจะไม่รับ)
.....PQC=หัวหน้าQC (ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ทำงานมานานมีประสบการณ์สูง)
.....OP=ฝ่ายผลิต  (ส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่คือคนเมืองเพชรกับคนอีสาน วุฒิ ม.3-ม.6 ทั้งนั้น)
.....EQ=ช่างซ่อมประจำไลน์ (เป็นผู้ชาย ส่วนใหญ่จบวิศวะเท่านั้น ทั้ง พระนครเหนือ ลาดกระบัง ม.เกษตร ม.จุฬา ก็มี เงินเดือนถือว่าน่าอิจฉาสุดๆๆจบใหม่นี่ได้เงินเดือนหลายหมื่น ตั้งตัวล้างหนี้ได้เลย)

.....ทน ทน ทน แล้วก็ทน อย่างน้อยก็ต้องให้ผ่าน3เดือนไปก่อนจะได้ค่ารถกลับบ้าน(งกเสียงัน) แต่แล้วผ่านไปได้ 2เดือนกว่าๆ OP เขาคงเห็นความพยายามของน้องมัง ช่วยสอนงานให้  ชีวิตทำงานโรงงานราบรื่นดี มีทั้งสนุก เหนื่อย เหงา ไปพร้อมๆกัน ส่วนสามีน้องเป็นEQ ค่ะ(นึกแล้วใช่ไหม ^^) สามีตอนนั้นอายุ 26 จบพระนครเหนือ น่าตาดี(ดีจริงๆนะ) สูง 178 ขาว ตาคม(เหมือนแขก) แถมฐานะดี ขับBMW (เห็นว่าครอบครัวดาวน์ให้สามีผ่อนเอง).....อย่าเพิ่งหมั่นไส้นะว่าอะไรจะอวดสามีปานนั้น.....ตอนนั้นน้องเห็นสามีเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ไม่คิดอะไรเลย น้องอายุ20เองนะ อีกอย่างสามีมีคู่หมั้นแล้วค่ะ สวยมากๆด้วย จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเรื่องของน้องเสียก่อน(เรื่องอย่างไงนั้นอ่านไปเรื่อยๆคะยังมีดราม่ารออยู่)....บางคนอาจคิดมังละสิ ว่าแล้วตัวน้องล่ะมีอะไรดีมัง.....น้องสูง150ตัวเล็กๆ ขาวแบบคนเหนือ ไม่สวย(ยอมรับ) แต่น่ารักใช้ได้อยู่ เอาไปควงไม่อายใครแน่นอน(อิอิ).....ต่อค่ะ น้องกับสามีอยู่แผนกเดียวกันแต่อยู่คนละกะ ถึงแม้บางครั้งอยู่กะเดียวกันก็อยู่คนละไลน์อยู่ดี เรียกว่าวงโคจรแทบไม่พบกัน แต่ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งโรงงานมีออเดอร์น้อย ทำให้โรงงานต้องหยุดผลิตวันอาทิตย์ ทุกคนเลยได้หยุดวันเดียวกัน แล้วเป็นธรรมดาที่สาวโรงงานว่างก็พากันไปเที่ยว อยู่เมืองเพชร ชะอำ หัวหิน นี่ไปบ่อยมากๆ มีทั้ง QC OP EQ รวมตัวไปเที่ยวบ่อย แต่สามีก็ไม่เคยร่วมทริปนะ จนอาทิตย์สุดท้ายที่หยุดพร้อมกัน พวกเราไปล่องแพเมืองกาญ สามีไปด้วยค่ะ นั่นเป็นครั้งแรกที่น้องกับสามีคุยกันเกิน10ประโยค ถามว่าตอนนั้นน้องปิ้งสามีไหม ไม่เลยค่ะเพราะสามี มีเจ้าของแล้ว พี่สา(ย้ำนะค่ะว่านามสมมุติ)พี่สาเป็นPQC อายุ 24 สูง 162 ขาว ผมยาว ตาคมแบบคนใต้ นิสัยน่ารัก ยิ้มเก่ง เป็นแม่บ้าน(ฝีมือกับข้าวสุดยอดมาก) เรียบร้อย กุลสตรีสุดๆ ตอนนั้นน้องออกจะปลื้มพี่สามากกว่าสามีด้วยซ้ำ ก็ตอนนั้นสามีออกขี้เก๊กหน่อยๆ ไม่ค่อยพูด มีแต่มอง ยิ้ม ดื่ม หลังจากทริปนั้นทำให้น้องได้เจอพี่สากับสามีบ่อยขึ้น ก็ทักทายกันบ้าง ส่งยิ้มให้กันบ้าง ช่วงปลายเดือนมิถุนายนน้องไปสมัครเรียน ม.ราม ตอนนั้นไม่คิดหรอกค่ะว่าจะเรียนไหวไหม ลำปากเปล่า แต่พี่สาว(เจ้าของไอดี)บอกว่า “สมัครไว้ไม่เสียหลาย ว่างเมื่อไรก็มาเรียนก็ได้ มาอยู่กับพี่นี่แหละเดี๋ยวพี่ดูตารางเรียนให้” (พี่สาวก็เรียนรามค่ะปี3แล้วอยู่หอพักหน้าราม) ฉะนั้นวันหยุด(หยุดวันพุธ)น้องจะเข้า กทม.ไปเรียน จนมาวันหนึ่งระหว่างรอรถทัวร์หน้าโรงงาน สามีกับพี่สามาจอดรถถามว่าจะไปไหน พอบอกว่าไป กทม. สามีชวนไปด้วย บ้านสามีอยู่บางแคค่ะ เกรงใจมากแต่ของฟรีใครไม่เอาจริงไหม อีกอย่างมีพี่สาไปด้วยไม่น่าเกลียดแน่นอน สามีไปส่งถึงหน้ารามเลย ขอบคุณพี่สา สามียกใหญ่ ความสนิทสนมระหว่างน้องกับพี่สาเรียกว่า พี่สาวน้องสาว พี่อยู่ที่ไหนต้องเห็นน้องอยู่ที่นั้น จน 3เดือนผ่านไป พี่สาได้หยุดวันจันทร์ ทำให้ น้องกับพี่สาเจอกันน้อยลง แต่สามีนี่สิยังหยุดวันพุธเหมือนน้อง ด้วยความที่พวกเราสนิทกัน เวลาสามีไปส่ง กทม. น้องเริ่มไม่กลัวอะไรแล้ว แต่ทุกครั้งที่น้องไปน้องก็ขออนุญาตพี่สานะ เดือนผ่านไป 2เดือนผ่านไป 4เดือนผ่านไป น้องเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า พี่สาเปลี่ยนไป ไม่ทักทาย ไม่มองหน้า ไม่ยิ้มแย้ม เจอหน้าก็ทำเป็นไม่เห็นน้อง สืบค่ะขอ พี่OPช่วยสืบให้.....
      “พี่ชา(สามี)กับพี่สาเขาทะเลาะกันเพราะแก น้อง พวกเขาไม่คุยกันมาเป็นเดือนแล้ว” งงมากค่ะว่าน้องไปก่อเรื่องตอนไหน? เมื่อไร? อย่างไง? จนต้องไปดักพี่สาที่หอพัก  
      “พี่สาเกิดไรขึ้น ทำไมพวกพี่ทะเลาะกัน เพราะน้องเหรอ น้องขอโทษนะค่ะ บอกน้องได้ไหมน้องทำอะไรค่ะ”
      “จะรู้ไปทำไมอย่างไงพี่ชาเขาก็.....ไม่อยากอยู่กับฉัน กลับไปเลยไป” พี่สาไม่เคยแทนตัวเองกับน้องว่า “ฉัน” ค่ะมีแต่เรียกตัวเองว่า “พี่”  
      “บอกน้องไม่ได้เหรอ บางทีน้องจะไปคุยกับพี่ชาให้”  
      “คนอย่างแกเนี้ยนะจะไปคุย ไปคุยทำไม อยากหาเรื่อง หาโอกาส ไปหาพี่ชาตลอดเลยสินะ” คำว่า “แก”นี่ก็ไม่เคยใช้กับน้องนะ  
      “น้องไม่เข้าใจ ทำไมน้องต้องหาเรื่อง หาโอกาสไปคุยกับพี่ชาละค่ะ พี่สาเข้าใจอะไรน้องผิดใช่ไหม ถามน้องสิ ถามได้ทุกอย่างเลย พี่สาอยากรู้อะไร น้องยินดีตอบทุกคำถาม”  
      “แกคิดว่าฉันโง่ใช่ไหมน้อง แกคิดเหรอว่าฉันไม่รู้ว่าแกคิดอะไรกับพี่ชา นี่แกคงคิดนะสิว่าพี่ชาเขาชอบแก ค่อยไปรับไปส่งแกที่กรุงเทพ ฮึ ขอบอกเลยนะเขาสมเพชแก เขาเวทนาแก แกมันตอ... ทำเป็นอินโนเซ้น ไม่ไม่ไม่ แกมันตอ.... ตอ.... ไป ไป ไปเลยนะอย่ามาที่นี่อีก”  
      น้ำตาน้องไหลตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รู้แต่ว่าน้องมองไม่เห็นหน้าพี่สา มันพร่างไปหมด และไม่รู้ตัวว่าตัวเองเดินออกจากหอพักพี่สาตั้งแต่เมื่อไร มารู้อีกทีตอนป้าร้านผลไม้ที่หอโรงงานทัก
      “น้องร้องไห้ทำไมใคร ใครทำน้องหรือ ไหนๆให้ป้าดูสิ นั่งก่อนลูก”
      ตอนนั้นน้องร้องอย่างเดียวไม่พูดอะไรเลย มันตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก จับต้นชนปลายอะไรไม่ได้เลย ตอนเช้าน้องไปทำงานปกติ ไม่ทักไม่ทายใครเลยทั้งวัน ว่างเมื่อไรก็ คิด คิด คิด อย่างเดียวเลยว่าพี่สาทำไมคิดแบบนี้กับน้อง พี่OPหวังดีไปสืบเรื่องอีกครั้ง ถึงได้รูว่า สามีได้ย้ายออกมาเช่าหออยู่คนเดียว(เมื่อก่อนอยู่กับพี่สา)ได้เดือนแล้ว....อะไรกัน!! เมื่อ5วันก่อน สามีก็ไปส่งน้องนะแต่ไม่เห็นพูดอะไรเลย แต่ว่าแปลกอยู่อย่างค่ะ สามีบอกทุกครั้งว่า........
      “พี่บอกสาแล้วว่าพี่จะไปส่งน้องเหมือนเดิม”.....พอน้องรู้น้องก็เลยไม่ขออนุญาตพี่สาอีกเลย นี่มันอะไรกันสามีคิดอะไรอยู่  ไปถามค่ะ ไปถามถึงห้องเลยด้วย(กล้ามากเลยใช่ไหมค่ะคนมันไม่คิดอะไรจะกลัวทำไมจริงไหม)
      “พี่ชา ทำไมต้องโกหก!!” สามี นิ่ง เงียบ นานมาก 5นาทีได้ สำหรับน้องนานมากค่ะ
      “พี่เป็นห่วงน้องนะ พี่ไม่รู้ตัวว่าชอบน้องตั้งแต่เมื่อไร พี่ไม่รู้เลย น้อง พี่....” อะไรกัน!! นี่เหรอคำตอบ คำตอบที่น้องคิดว่าต้องไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่....น้องวิ่งออกมาไม่สามารถยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้(เน่าไปไหน) ตลอดอาทิตย์หลบหน้าสามี ขอตั้งหลักหน่อยเถอะมันเกินรับได้ค่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่อยากให้เป็น นี่น้องทำให้พี่สาเสียใจ ร้องไห้ เพราะความไม่ตั้งใจของน้องใช่ไหม ทำไม ทำไม มันมีแต่คำถามอยู่ในสมอง แต่เรื่องที่คิดน้องยังหาคำตอบ ยังไม่ทันได้ พี่เพื่อนร่วมงามก็เริ่ม มองน้องแปลกๆ เริ่มพูดจากระทบกระเทียบบ่อยขึ้น จนถึงกับเหยียบเท้ามัง เดินกระแทกมัง บางครั้งถึงกับแกล้งผลัดจนล้ม ไม่เคยเลยนะตั้งแต่เล็กจนโตที่น้องจะโดนแกล้งบ้าบอแบบนี้ มีครั้งนี้นี่แหละ ในโรงงานนี้เลย เครียดมากค่ะ ช่วงนั้นใกล้สอบด้วยยิ่งไปกันใหญ่ สุดท้ายข่าวลือ ของน้องก็ดังไปทั่วทั้งแผนก “ยัยเด็กสตอนั่งฟรี” ไม่มีอะไรอับอายเท่านี้อีกแล้ว ทุกๆวันน้องต้องนั่งทำงานท่ามกลางเสียงนินทา ที่ตัวเองไม่ได้ทำสักนิด ไม่มีสิทธิแก้ต่างอะไรได้เลย อายุแค่20 ถูกเพื่อนร่วมงามตราหน้าว่า “ฟรี” ไปทั่ว “คนอย่างมันแทงข้างหลังได้ทุกเวลา” แรกๆยังมีคนเห็นใจน้องค่ะ บางคนมาลูบหลัง บางคนมาจับมือ แต่ยิ่งน้องเงียบไม่พูด ไม่แก้ต่าง (เพราะน้องคิดว่าถ้าเราไม่ตอบโต้เรื่องอาจจะดีขึ้น แต่นั่นน้องคิดผิด!!) สิ่งที่น้องเคยได้รับ เริ่มห่างออกไป

.....น้องยอมรับว่าน้องไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้เลย ได้แต่หวังว่าเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น และหวังว่าสามีจะกลับไปหาพี่สา กลับไปปรับความเข้าใจกันใหม่......ไม่ ไม่เลย ทำไมน้องคิดผิดตลอดเลย ไม่เข้าใจ น้องคงคิดว่านี่เป็น นิยาย ละคร อยู่ใช่ไหม สามีไม่กลับไปหาพี่สาเลย แถมประกาศถอนหมั้นด้วย และยิ่งมาเฝ้ามองน้องบ่อยกว่าเดิม น้องรู้ค่ะว่าสามีเป็นห่วงน้องแค่ไหน แต่น้องไม่ให้อภัยในสิ่งที่สามีทำกับพี่สาเด็ดขาด นานวันยิ่งเห็นหน้าสามีน้องยิ่งเกลียด(ตอนหลังน้องเคยถามสามีค่ะว่าทำไมไม่กลับไปหาพี่สาทั้งๆที่ตอนนั้นพี่ก็ยังรักพี่สาอยู่ สามีว่าตอนแรกก็คิดจะไปเริ่มต้นใหม่ปรับความเข้าใจกันใหม่ แต่เพราะพี่สาทำกับน้องยิ่งทำให้พี่เป็นห่วงมากขึ้น ยิ่งสงสารน้องมากขึ้น มันไม่ใช่ความผิดน้องทำไมสาไม่ทำกับพี่ ทำไมต้องไปลงที่น้องคนเดียว นั่นทำให้พี่ได้คิด ความรักที่พี่มีให้สามันไม่เหลืออีกแล้ว ยิ่งอยู่กันไปพี่มองไม่เห็นอนาคต พี่นึกภาพครอบครัวกับสาไม่ออก....แล้วน้องก็ถามนะว่าแล้วทำไมต้องประกาศถอนหมั้นให้คนทั้งโรงงานรู้ สาเขาท้าพี่เขาจะไม่หยุดเรื่องของน้อง เขาจะบีบให้น้องออกจากงานให้ได้ พี่โมโหเลยประกาศถอนหมั้นอย่างไงพี่ก็จะไม่กลับไปหาเขาอีกและพี่ก็อยากจะปกป้องน้องอย่างเต็มทีเหมือนกัน(ปกป้องอย่างไงโดนยิ่งกว่าเดิมอีก)พระเอกมากดูละครมากไปมัง)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ประสบการณ์ชีวิตคู่ ปัญหาความรัก แต่งงาน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่